แพ 500 ไร่ ที่พักเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี

แพ 500 ไร่ ที่พักเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี

แชร์โพสต์นี้ :

หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองกรุง ไปสัมผัสการใช้ชีวิตติดธรรมชาติ กับที่พัก “แพ 500 ไร่” ที่ซึ่งเราจะได้พบกับความแตกต่างในรูปแบบที่คนมาแล้วเท่านั้นจะเข้าใจว่า…ทำไม?

ทริปนี้เราจะพาลงใต้ไปเขื่อนรัชชประภาหรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน นั่นเอง โดยทริปนี้เราจะพาไปดื่มด่ำกับบรรยากาศของกุ้ยหลินเมืองไทยที่ใครต่อใครมาแล้วติดใจจนต้องกลับมาอีก! และที่สำคัญ เราจะพาไปพักผ่อนหย่อนใจกับที่พักสุดหรู แพ 500 ไร่ สถานที่ที่ไม่มีทีวีให้ดูและไม่มีแม้แต่สัญญาณมือถือให้แชทให้โทร เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ตามพวกเราไปได้เลยจ้า…

การเดินทางมา แพ 500 ไร่ …

เกริ่นก่อนว่าเราวางแผนมาพักผ่อนที่ แพ 500 ไร่ นี้ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว โดยเราได้โปรโมชั่นและแพ็กเกจทัวร์ 3 วัน 2 คืน จากงานไทยเที่ยวไทยมาในราคาอันคุ้มค่า หลังจากที่เราทำการจองกันเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกัน ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินนกแอร์กับเพื่อนร่วมทริปอีก 3 คน ด้วยไฟท์บินเช้าสุดเนื่องจากเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่พวกเราจะไปให้ทันรถตู้ของแพฯที่สนามบินสุราษฎร์ธานีรอบ 8 โมงเช้านั่นเอง

เมื่อถึงสนามบินสุราษฎร์ธานี เราก็จะพบกับพี่คนขับรถตู้ยืนชูป้ายไฟรอรับพวกเราแล้วที่หน้าสนามบิน หลังจากนั้นแกก็จะพาเราออกเดินทางไปออฟฟิตแพ 500 ไร่ ซึ่งใช้เวลาเดินทางเกือบ 45 นาทีได้ เมื่อไปถึงก็จะมีพี่ๆเจ้าหน้าของแพออกมาต้อนรับเราให้ไปลงทะเบียนตามวันเวลาที่เราจองห้องพักไว้ ที่นี่จะมีน้ำชากาแฟและของว่างต่างๆไว้ให้บริการแบบอิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้าอีกด้วย

เมื่อลงทะเบียนกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางไปเขื่อนเชียวหลานด้วยพี่รถตู้คันเดิมที่เรานั่งมานั่นเอง สถานที่แรกที่พี่รถตู้พาไปก็คือสันเขื่อนรัชชประภา ที่นี่เป็นที่ผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยด้วย อุดมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าและวิวภูเขาไกลสุดลูกหูลูกตาสวยงามมากทีเดียว

หลังจากนั้นพี่คนขับรถตู้ก็พาเราไปส่งท่าเรือที่พวกเราจะข้ามไปแพฯ ที่นี่มีไกด์ตาลรอเราอยู่ ไกด์ตาลจะเป็นไกด์นำเที่ยวของพวกเราตลอดทริปนี้ แกเป็นกันเองมาก! ดูแลพวกเราดีมากจริงๆ

การเดินทางข้ามไปแพฯนั้นจะใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมงกว่าๆ โดยไกด์ตาลจะพาเราแวะเยี่ยมชมสถานที่สำคัญๆตลอดการเดินทาง 1 ชั่วโมงนี้ด้วย สถานที่แรกที่ไกด์ตาลพาเราไป นั่นก็คือ ประตูกุ้ยหลินเมืองไทย ซึ่งจะเป็นภูเขาหินปูนตั้งเด่นตระการตาอยู่เบื้องหน้า โดยลักษณะของภูเขาที่เห็นนั้นจะคล้ายๆกับกุ้ยหลินที่เมืองจีนนั่นเอง

ห่างจากประตูกุ้ยหลินเมืองไทยประมาณ 20 นาทีได้ ไกด์ตาลก็พาพวกเราไปดูเขาสามเกลอ ซึ่งเขาสามเกลอนี้จะมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูน 3 ลูกเล็กๆตั้งอยู่กลางน้ำ ไกด์ตาลบอกว่าภูเขา 3 ลูกนี้เปรียบเสมือนเพื่อน 3 คนกำลังยืนเม้าส์มอยด์กันอยู่นั่นเอง

จากจุดนี้ไปเราก็จะไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือได้อีกเพราะจุดนี้เป็นจุดสุดท้ายที่ยังพอมีสัญญาณมือถือให้พวกเราใช้ได้ เรานั่งเรือกันต่อไปอีกเกือบ 30 นาทีก็มาถึงแพ 500 ไร่ ทันทีที่เรือจอดเทียบท่าก็จะมีพี่กิ๊ฟซึ่งเป็นผู้จัดการแพฯและพี่ๆพนักงานทั้งหมดของแพฯมายืนเรียงแถวรอต้อนรับพวกเราอย่างเป็นกันเองพร้อมกับมี Welcome drink เป็นน้ำตะไคร้ที่หอมหวานเย็นชื่นใจให้พวกเราได้ดื่มผ่อนคลายความเหนื่อยล้าตลอดการนั่งเรือที่ยาวนานที่ผ่านมานี้ด้วย

บรรยากาศที่พักและห้องพัก…

ที่นี่มีห้องพักให้เราเลือกมากถึง 3 แบบ นั่นก็คือ ห้องพักแบบ Deluxe, Villa และ Family ซึ่งแต่ละแบบนั้นก็จะมีขนาดห้องที่แตกต่างกันออกไป โดยห้องพักแบบ Duluxe นั้นจะมีลักษณะเป็นบ้าน 1 หลังแต่กั้นตรงกลางแบ่งเป็น 2 ห้องนั่นเอง มีเรือคายัคให้ห้องละลำ แต่สำหรับห้องพักแบบ Villa กับ Family นั้นจะเป็นบ้านละหลัง มีเรือคายัคให้บ้านละสองลำ แต่ Family จะใหญ่กว่าและรองรับจำนวนคนแบบครอบครัว โดยห้องแต่ละแบบนั้นจะรองรับจำนวนคนเข้าพักได้ถึง 2-5 คนต่อหลัง ยกเว้น Family ที่รองรับได้มากกว่านั่นเอง

เราจองที่พักแบบ Villa ไว้ โดยห้องพักของเรานั้นจะมีลักษณะเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นห้องนอนใหญ่ มีเตียง 6 ฟุตให้ และมีโต๊ะวางของซึ่งทำจากไม้สักและเก้าอี้ไม้โซฟา 2 ตัวอยู่ที่ปลายเตียง ส่วนด้านบนนั้นจะเป็นห้องนอนใต้หลังคา มีเตียงขนาด 3.5 ฟุตเตรียมไว้ให้ 2 เตียง โดยจะมีบันไดให้ปีนขึ้นลงอยู่ด้านหลังบริเวณห้องแต่งตัว ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำแบบแยกส่วนกันอย่างชัดเจน

ห้องพักที่นี่จะไม่มีทีวีให้ ไม่มี Wifi รวมถึงไม่มีสัญญาณมือถือ! และที่สำคัญบนแพฯนั้นจะอนุญาตให้เปิดแอร์ได้เฉพาะช่วงเวลา 18.00-06.00 เท่านั้นอีกด้วย แต่ที่นี่จะมีระเบียงนอกห้องสวยๆให้นั่งชมวิวและสังสรรค์ได้ มีเรือคายัคให้พายเล่น มีเสื้อชูชีพให้ใส่กระโดดเล่นน้ำได้ เป็นกิจกรรมเสริมสร้างสายสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนั่นเอง และนี่คือจุดเด่นของที่พักที่นี่เลยก็ว่าได้

ที่ Lobby ของแพฯนั้นจะเป็นห้องอาหารและ Spa เล็กๆ โดยบริเวณตรงกลาง Lobby นั้นจะเป็นบ่อเลี้ยงปลาหลากหลายชนิด เราสามารถนั่งห้อยขามองดูปลาเพลินๆได้

ข้างหน้าล๊อบบี้นั้นก็จะเป็นบริเวณสระว่ายน้ำของแพ บริเวณนี้จะถูกปูด้วยหญ้าเทียมสีเขียวเข้ม มีเจ้าหมีอ้วนตัวใหญ่ๆซึ่งเป็นมาสคอตของที่นี่ยืนตั้งตระหง่านอยู่บนฉากหลังที่เป็นภูเขาหินปูนเรียงรายสลับกันไปมา เป็นวิวที่สวยงามมากพอสมควร

ถัดออกไปคือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่สีฟ้าใสซึ่งวางอยู่บนระดับเดียวกันกับระดับน้ำในเขื่อนฯที่มีสีเขียมอมฟ้าคราม ข้างๆสระนั้นก็จะมีเก้าอี้นอนให้พักผ่อนอิงกายดูดดื่มกับบรรยากาศของสระว่ายน้ำ หากเราลองนอนแล้วมองไปไกลๆก็จะเห็นวิวภูเขาหินปูนน้อยใหญ่วางเรียงรายกันไปมา เป็นวิวหลักร้อยล้านจริงๆ คอนเฟิร์ม!

อาหารการกินบน แพ 500 ไร่ …

ที่นี่มีอาหารมื้อเช้า กลางวัน และเย็นให้กินกันแบบไม่อั้นทั้ง 3 มื้อ รวมไปถึงอาหารว่างช่วงเวลา 10 โมงเช้าและบ่าย 2 โมงอีกด้วย โดยมือเช้านั้นจะเป็น Breakfast แบบปกติทั่วๆไป แต่มื้อกลางวันและเย็นนั้นจะเน้นเป็นอาหารใต้ทั้งหมด รสชาติจึงจะออกเผ็ดจัดจ้านนิดหน่อย แต่มีเมนูหนึ่งที่เราชอบมาก นั่นก็คือ น้ำพริกกะปิ นั่นเอง เมนูนี้ทำจากเคยอย่างดี รสชาติจึงอร่อยมาก! มีความเผ็ดกำลังดี! โดยเมนูน้ำพริกกะปินี้จะถูกเสิร์ฟเป็นเมนูหลักในทุกมื้ออาหารของที่นี่แสดงถึงวัฒนธรรมทางภาคใต้ที่ต้องมีน้ำพริกกะปิเป็นเหมือนเครื่องเคียงของกับข้าวเมนูอื่นๆนั่นเอง

กิจกรรมเสริมสร้างความรักความผูกพัน…

1) นั่งเรือไปส่องสัตว์ที่คลองแสง

กิจกรรมนี้ไกด์ตาลจะพาเราล่องเรือไปที่คลองแสงซึ่งอยู่ไกลจากแพฯมากพอสมควร ตลอดสองข้างทางของที่นี่เราจะพบกับสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆ เช่น ลิง กวาง และกระทิง ไฮไลท์เด็ดสุดก็คือ เราจะพบกับช้างก้านกล้วยที่มักจะลงมาเล่นน้ำให้เราเห็น น่ารักน่าชังมากทีเดียว

2) เยี่ยมชมหมู่บ้านชาวประมง

กิจกรรมนี้ไกด์ตาลจะพาเราไปเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวประมง ที่นี่มีกระชังเลี้ยงปลาเป็นจำนวนมาก มีปลาหลากหลายสายพันธุ์ให้เราดู ถือเป็นแหล่งเศรษฐกิจของเขื่อนฯนี้เลยก็ว่าได้ ไฮไลท์เด็ดสุดอยู่ที่ ที่นี่เขาจะเลี้ยงปลาสายพันธุ์อะไรซักอย่างที่เราจำชื่อไม่ได้ล่ะ ตัวปลานั้นจะโตมาก โดยที่เกล็ดของปลานั้นจะสะท้อนแสงเมื่อโดนแสงไฟ มีความสวยงามปนความน่ากลัวหน่อยๆสำหรับเราก็ว่าได้

3) จุดชมวิวไกรสรหรือทาร์ซานวิวพ้อยท์

กิจกรรมนี้ไกด์ตาลจะพาเราไปปีนยอดเขาสูงๆเพื่อขึ้นไปชมจุดชมวิวของเขื่อนเชียวหลานนั่นเอง กิจกรรมนี้ค่อนข้างแอดเวนเจอร์พอสมควร เราจะต้องเดินป่าข้ามเขา 2 ลูก ปีนป่ายหน้าผาอีก 2-3 แห่ง บอกได้เลยว่ากิจกรรมนี้เรามีโอกาสโดนทากกัดก็เป็นได้ แต่มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดขนาดนั้น ไกด์ตาลของเรามีความเชี่ยวชาญในการเตรียมอุปกรณ์ป้องกันต่างๆมาแบบครบมือ รวมทั้งคอยช่วยเหลือเราทุกอย่างทั้งปีนหน้าผาและขนเสบียงอีกด้วย ไฮไลท์เด็ดสุดของที่นี่ นั่นก็คือ วิวข้างบนนี้สวยงามมากจริงๆ มันคือท๊อปวิวที่เราสามารถมองเห็นน้ำในเขื่อนท่ามกลางหมู่แมกไม้ต่างๆนั่นเอง ด้วยบรรยากาศที่ลมพัดเย็นสบายมาก เมื่อมีลมเย็นๆพัดมาปะทะกับใบหน้าของเราแล้วจะรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก หากโชคดีเราก็อาจจะเจอกับนกแก้วสีสันต่างๆบินโฉบไปโฉบมาอีกด้วย บอกเลยว่าข้างบนนี้สวยงามคุ้มค่ากับความเหนื่อยทั้งหมดที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

4) พายเรือคายัค

ด้วยทุกห้องพักของที่นี่จะมีเรือคายัคไว้ให้บริการห้องละ 1-2 ลำ เมื่อใดก็ตามที่เราว่างเราจะไปพายเรือคายัดกัน การมาพายเรือคายัคของที่นี่นั้นเราจะได้พบกับวิวภูเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆผุดขึ้นเรียงรายสลับซับซ้อนกันไปมา ไฮไลท์เด็ดสุดของกิจกรรมนี้นั่นก็คือ ช่วงเวลายามเย็นเป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดสำหรับการมาพายเรือคายัค โดยเราจะได้เห็นวิวสวยๆสะท้อนแสงพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ซึ่งหากวันใดท้องฟ้าแจ่มใสแล้วล่ะก็ เราอาจจะมองเห็นฝูงนกบินไปบินมาอีกด้วย

5) ล่องเรือดูนก-ชมหมอกยามเช้าที่คลองแปะ

กิจกรรมนี้ไกด์ตาลจะพาเราล่องเรือไปดูนกและชมหมอกยามเช้าที่คลองแปะ ที่นี่เราจะเห็นค้างคาวบินวนไปวนมาเยอะมาก ใกล้ๆกันนั้นจะมีหมอกขาวๆหนาๆลอยฟุ้งกระจายอย่างสดชื่นและเย็นสบาย บรรยากาศยามเช้าของที่นี่เงียบสงบเหมาะกับการมาพักผ่อนหย่อนใจสุดๆ ไฮไลท์เด็ดสุดอยู่ที่ เราจะมองเห็นแสงพระอาทิตย์เริ่มลอยพ้นภูเขาในบรรยากาศที่เงียบสงบ นี่แหละที่สุดของการมาพักผ่อนก็ว่าได้

และแล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับกทม.แล้ว ไกด์ตาลพาเรานั่งเรือจากแพฯกลับมาที่ท่าเรือ พี่คนขับรถตู้ก็มารอรับเราแล้วที่นั่น เราร่ำลาไกด์ตาลและออกเดินทาง พี่รถตู้พาไปเรากินข้าวกลางวันและแวะซื้อของฝากในร้านแถวตัวเมือง สุดท้ายแม้เราจะต้องกลับมาแล้วแต่ความประทับใจ ณ แพ 500 ไร่ของเราก็จะยังคงอยู่เหมือนเดิม ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืนนั้นเรามีความสุขมากมายเหลือเกิน สิ่งหนึ่งที่เราจะไม่ลืมคือการบริการด้วยความเป็นกันเองของที่นี่ เหมือนเราเป็นครอบครัวเดียวกัน! เราสัญญาว่าจะหาเวลากลับมาทำกิจกรรมที่ยังไม่ได้ทำอีกให้ได้ เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่มาแล้วเขาอยากกลับมากันอีก มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ต้องมาสัมผัสด้วยตัวคุณเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจว่าทำไม…

ติดต่อขอรายละเอียดที่พักเพิ่มเติมได้ที่…

แพ 500 ไร่ | 500 RAI FLOATING RESORT
บริษัท สุราษฎร์อินเตอร์ทัวร์ จำกัด
21/5 หมู่ที่ 3 ต.เขาวง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฏร์ธานี 84230

โทรศัพท์ | 077-953013
อีเมล์ | info@500rai.com
เว็ปไซค์ | http://www.500rai.com
จองห้องพัก | booking@500rai.com
ติดต่อฝ่ายขาย | โทร. 095-4100011 หรือ 095-4100022

หากเพื่อนๆอยากดูรีวิวทั้งหมดเกี่ยวกับ ที่พัก ของ ไป กัน มา ยัง แล้วล่ะก็ … คลิกที่นี่


แชร์โพสต์นี้ :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *